ดังนั้น สิ่งที่จำเป็นสำหรับการจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิ์ผลก็คือ ครูจะต้องมีความรู้ ความสามารถ มีทักษะและสมรรถภาพกีฬาที่ดี รวมทั้งมีการจัดการและบริหารพลศึกษาในโรงเรียน เพื่อให้การสอนพลศึกษาในโรงเรียนบรรลุตามจุดมุ่งหมาย ดังนั้นครูผู้สอนวิชาพลศึกษาจึงเป็นบุคคลสำคัญในฐานะผู้นำ มีภาระหน้าที่และความรับผิดชอบในการจัดโครการกีฬาในโรงเรียนให้ประสบผลสำเร็จ และผู้เรียนได้รับผลประโยชน์ต่อการเรียนรู้ทางพลศึกษาซึ่งย่อมขึ้นอยู่กับภาวะผู้นำของครูผู้สอนวิชาพลศึกษาทั้งสิ้น นอกจากนั้นผู้นำทางพลศึกษาที่ดีจะต้องเป็นผู้ที่มีสุขภาพดีทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ มีความสามารถในการฝึกฝนและมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางพลศึกษาต่างๆได้หลายประเภท เพื่อเพิ่มทักษะให้แก่ตนเองมีความสามารถที่จะทำให้ผู้เรียนมีความรู้สึกพึงพอใจและมีความต้องการที่จะเรียนวิชาพลศึกษา มีบุคลิกภาพที่ดีเหมาะสมกับบทบาทและภาระหน้าที่ของผู้นำทางพลศึกษา มีน้ำใจเป็นนักกีฬาและมีลักษณะของความเป็นผู้นำตามความหมายของคำว่า "LEADERSHIP"
ด้วยเหตุผลสำคัญในภาวะผู้นำของครูพลศึกษา ผู้สึกษาค้นคว้าจึงมีความสนใจและศึกษาว่า นักเรียนมีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นำของครูพลศึกษาอย่างไร ผลจากการศึกษาค้นคว้าจะทำให้ได้ขอค้นพบที่จะเป็นประโยชน์ในการเรียนการสอนวิชาพลศึกษาให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน นอกจากนี้ยังใช่เป็นข้อมูลและแนวทางให้ผู้เกี่ยวข้องส่งเสริมและพัฒนาภาวะผู้นำ ให้มีประสิทธิภาพต่อไป .. ^_^
(ครูพละที่ดี)ภาวะผู้นำของครูพลศึกษา คือ ความสามารถของครูที่จะชักจูงให้นักเรียนปฎิบัติกิจกรรมทางพลศึกษาด้วยความเต็มใจ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ประกอบด้วย 4 ด้านได้แก่ ด้านคุณธรรม ด้านบุคลิกภาพ ด้านมนุษยสัมพันธ์ และด้านวิชาการ วึ่งแต่ละด้านมีรายละเอียดและความหมาย ดังนี้
1) ด้านคุณธรรม หมายถึง ครูพลศึกษาที่มีการปฎิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีเหมาะสมแก่การเป็นครู ได้แก่ มีความซื่อสัตย์สุจริต ยุติธรรม อดทนอดกลั้น รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย มีความขยันหมั่นเพียร มีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ ประพฤติอยู่ในระเบียบวินัยและจรรยาบรรณไม่ประพฤติตนเสื่อมเสีย ห่างใกล้จากอบายมุข มีความเมตตากรุณา ตรงต่อเวลา และเสียสละอุทิศเวลาให้แก่การทำงาน
2) ด้านบุคลิกภาพ หมายถึง ลักาณะนิสัยของครูพลศึกษาที่แสดงออกมาในรูปของพฤติกรรมที่สามารถสังเกตได้ ได้แก่ มีอารมณืมั่นคงสุข่มรอบคอบ สุภาพอ่อนโยน ร่าเริงแจ่มใสคล่องแคล่วว่องไว กล้าแสดงออกทางสร้างสรรค์อย่างมีเหตุผล มีความกระตือรือร้นในการทำงาน สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ แต่งกายเหมาะสมตามกาลเทศะ พูดจาชัดถ้อยชัดคำและมีความเชื่อมั่นในตนเอง
3) ด้านมุษยสัมพันธ์ หมายถึง พฤติกรรมของครูพลศึกษาในการร่วมทำงานเพื่อให้เกิดความราบรื่น บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมาย ได้แก่มีสัมพันธภาพที่ดีและมีความเป็นกันเองกับทุกคน สามารถปรับตัว ประสารงานและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ มีเหตุผลและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เป็นผู้มีจิตใจกว้างขวาง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจ และให้ความร่วมมือช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความเต็มใจ
4) ด้านวิชาการ หมายถึง ครูพลศึกษาที่มีความรู้ มีพื้นฐานทางวิชาพลศึกษาทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฎิบัติที่ดี มีความทันสมัยต่อการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน มีทักษะในการใช้วิธีการสอนและสามารถใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้เพื่อประกอบการสอน มีความรู้ความสามารถในการจัดกิจกรรมพลศึกษา เป็นผู้ทำวิจัยด้านพลศึกษาต่อที่ชุมชนได้อย่างเหมาะสม สามารถผลิตและเผยแพร่ตำราทางพละศึกษา มีความคิดริเริ่มและสามารถสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้ได้ (จึงจะเป็นครูพลศึกษาที่ดี)
